๑.๔
คุณค่าของการประพฤติตนเป็นตำรวจที่มีจริยธรรม
ตำรวจเป็นข้าราชการที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนที่สุด
เป็นปราการด่านแรกของรัฐบาลในการรับใช้ประชาชน
ทางด้านประชาชนเมื่อมีเหตุเดือดร้อนย่อมนึกถึงที่พึ่งคือตำรวจก่อนผู้อื่น
ตำรวจจึงต้องพร้อมและทำตัวให้เป็นตำรวจที่ดี
เป็นที่พึ่งของประชาชนสมกับคำกล่าวที่ว่า “เราอยู่ไหนประชาอุ่นใจทั่วกัน” ตรงกันข้ามตำรวจที่ไม่ดีย่อมไม่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน
ดังนั้นหากตำรวจประพฤติตนเป็นคนดี มีจริยธรรมแล้ว
นอกจากจะเป็นประโยชน์ให้ตนเองพ้นทุกข์ มีความสุขแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและประชาชนอีกด้วย
๔
อาจกล่าวได้ว่าการที่ตำรวจประพฤติตนเป็นคนดีมีจริยธรรม มีคุณค่าและ
ประโยชน์ดังต่อไปนี้คือ
๑. เป็นประโยชน์ต่อตัวตำรวจเองและครอบครัว เช่น ถ้าหากตำรวจเลิกละอบายมุขได้ไม่ดื่มสุรา
ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่คบมิตรชั่วอันจะพาให้ตัวพลอยประพฤติชั่วไปด้วยแล้ว
เงินรายได้ก็จะพอใช้ไม่เดือดร้อน ครอบครัวมีความสุข เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ครอบครัวและผู้อื่นอีกด้วย
๒.
เป็นประโยชน์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการที่ทำให้ภาพพจน์
หรือภาพลักษณ์ของตำรวจดีขึ้น เป็นที่พอใจของประชาชน
และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ตำรวจผู้อื่น
๓.
เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่การงานของตำรวจ เพราะนอกจากเป็นการทำให้ตนเองไม่มีปัญหาอันอาจเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่การงานแล้ว
ผู้มีจริยธรรมย่อมเป็นผู้มีความขยันขันแข็ง เสียสละและสามัคคี อันเกิดมาจากความไม่เห็นแก่ตัว อันจะทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
๔. ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากประชาชน
เพราะเมื่อตำรวจทำตนเป็นคนดี มีจริยธรรม เช่น
มีความซื่อสัตย์ ช่วยเหลือประชาชน เป็นต้น ย่อมเป็นที่รักใคร่ ยกย่องมีเกียรติยศ
ศักดิ์ศรีประชาชนย่อมมีความศรัทธาเลื่อมใส และมีความเชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ
ประชาชนก็จะให้ความร่วมมือในการทำงานของตำรวจ เช่น ให้ข่าวคนร้ายไม่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ยินดีเป็นพยานให้ตำรวจ เป็นต้น การกระทำผิดกฎหมายจะลดน้อยลง ประชาชนก็มีความสุข
ประเมินได้ว่า
โอกาสที่ตำรวจจะสร้างภาพพจน์ที่ดีได้นั้น
ทำได้โดยง่ายด้วยความตั้งใจเพราะประชาชนมีศรัทธาและความนิยมเป็นพื้นฐาน
๑.๕ แนวทางปฏิบัติเพื่อให้มีจริยธรรมของข้าราชการตำรวจ
คณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขการบริหารงานตำรวจ
ด้านการ
๕
ประชาสัมพันธ์และการเสริมสร้างภาพพจน์ได้เสนอแนวทางในการปฏิบัติตน
สรุปได้ดังต่อไปนี้
๑.
ตำรวจจะต้องไม่ทุจริตต่อหน้าที่ด้วยประการทั้งปวง เช่น
รับเงินจากผู้กระทำผิดหรือเรียกร้อง หรือรับเงินในการให้บริการแก่ประชาชน
ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ
๒.
ตำรวจจะต้องไม่เป็นผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเสียเอง หรือให้ความร่วมมือ
หรือสนับสนุนผู้กระทำผิด เช่น การค้ายาเสพติด ปล้นทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ มั่วสุมเล่นการพนัน คุมบ่อนคุมซ่องกระทำผิดกฎหมายจราจร เสพสุราจนไม่สามารถครองสติได้ เป็นต้น
๓.
ไม่ใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตของกฎหมาย
หรือใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ในเชิงกดขี่ข่มเหงประชาชน เช่น
วิสามัญฆาตกรรมเกินกว่าเหตุ การซ้อม ผู้ต้องหา
การแกล้งจับด้วยเรื่องส่วนตัว หรือเพราะบันดาลโทสะ หรือใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตเพราะหวังผลงาน
หรือความดีความชอบ เป็นต้น
๔. ใช้กิริยาวาจาที่สุภาพต่อประชาชน
ไม่ใช้กิริยาวาจาที่ไม่สมควร เช่น แสดงกิริยาเบ่งกับประชาชน
พูดจาหยาบคาย ดูถูกประชาชน หรือใช้วาจาที่ไม่สมควร
๕.
ให้การต้อนรับแก่ประชาชนด้วยความเต็มอกเต็มใจ กระตือรือร้น และอ่อนน้อมถ่อมตน
และให้บริการแก่ประชาชนด้วยความกระตือรือร้นไม่เกี่ยงงอน
๖.
ปรับปรุงความรู้ความสามารถและสมรรถภาพในการทำงานอยู่เสมอ
๗. หมั่นตรวจสอบและพัฒนาจิตใจตนเองอยู่เสมอ
เช่น หาโอกาสไปวัด
ฟังธรรมเทศนาพบปะสมณะที่ดีและน้อมนำธรรมะมาฝึกฝนปฏิบัติ
๘. ฝึกตนให้เป็นผู้มักน้อย สันโดษ พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่
ใช้จ่ายแต่สิ่งที่จำเป็นไม่ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยไปตามสังคม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น